Passive Trader เป็นกลุ่มคนที่ต้องการหารายได้แบบ Passive Income 

(รายได้ที่ไหลเข้ามาจากทรัพย์สิน เหมือนรายได้จากค่าเช่าบ้านหรือค่าลิขสิทธิ์)

โดยเราได้ค้นพบระบบๆหนึ่งที่สามารถสร้างเป็นรายได้แบบ Passive Income ได้ผ่านการเทรดค่าเงิน หรือ Forex Trading

​

แต่ Forex หรือการเทรดค่าเงิน มีสิ่งที่ต้องพิจารณา เป็นอย่างยิ่งดังนี้

1. มีอัตราความเสี่ยงค่อนข้างสูง ถึงสูงมาก

2. ความผันผวนสูงมาก ต้องมีความรู้ทั้งเทคนิคกราฟ (Technical) และการอ่านข่าวเศรษฐกิจโลก (Global Economic Environment) 

3. การบริหารจัดการเงินลงทุน (Money Management)

 

ทำให้การเทรดค่าเงิน จำเป็นต้องมีความรู้ ความสามารถอยู่ในระดับสูง ถึงจะสามารถทำกำไรในตลาดนี้ได้

​

อย่างไรก็ตามเราได้พัฒนา Passive Trading System ในการช่วยให้สมาชิก สามารถสร้างรายได้จากการเทรดค่าเงินตามต้นแบบการเทรดของนักเทรดมืออาชีพ

​​

โดยพัฒนาระบบ Passive Trading CopyTrade ที่ช่วยให้สมาชิกสร้างกำไรจากการเชื่อมต่อระบบกับ Trader มืออาชีพ และได้รับกำไรเช่นเดียวกับ Trader มืออาชีพโดยปรับลดความเสี่ยงจากการขาดทุน ลงมาที่ระดับต่ำเพื่อลดความเสี่ยงของสมาชิก โดยเฉลี่ยสมาชิกจะได้ผลกำไรตอบแทน ประมาณ 5-15%ต่อเดือน (หรือแล้วแต่ Master Trader ที่เราเลือกเองได้)

​

CopyTrade คือการคัดลอกคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติจากเทรดเดอร์ที่เราได้ทำการ CopyTrade โดยที่เราไม่ต้องซื้อขายคู่เงินเอง พูดง่ายๆก็คือ การที่เราทำการ CopyTrade นาย A หมายความว่า ทุกครั้งที่นาย A ซื้อขายในตลาด Forex บัญชีของเราก็จะมีการซื้อขายแบบอัตโนมัติตามที่นาย A ซื้อขายไปด้วย โดยการ CopyTrade เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาศึกษาฝึกฝนเทรด Forex หรือไม่มีเวลา หรือไม่สามารถทำกำไรได้จากการเทรดด้วยตนเองได้ นั่นเอง

 

อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องเลือก CopyTrade ผู้นำเทรด หรือ Master Trader ที่มีผลงานดี มีแนวการเทรดที่สอดคล้องกับเรา อาทิ ต้องการผลตอบแทนไม่เยอะมากแต่ให้สม่ำเสมอ, อยู่ในตลาดไม่นาน ได้กำไรเล็กๆน้อยๆ ก็เพียงพอและรีบจบออเดอร์ เพื่อป้องกันความเสี่ยง เป็นต้น 

​

และสุดท้าย ต้องดูบริษัท หรือองค์กร ที่เราจะเข้าไปใช้ระบบ CopyTrade มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน, ช่องทางติดต่อ, การตอบคำถาม ถ้าไม่มีช่องทางติดต่อที่ชัดเจน อาทิ Tel. Line หรือ Facebook Inbox อาจจะทำให้มีความเสี่ยงในกรณีเกิดปัญหาแล้วติดต่อ เจ้าของระบบไม่ได้

ลงทุนใน Forex มีด้วยกัน 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่

​

1. ลงทุนเอง เทรดเอง 

ผู้ลงทุนอาจจะวิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือเทรดเอง หรือ ใช้ AI (Robot) หรือ EA เป็นตัวรับสัญญาณออกออเดอร์อัตโนมัติก็ได้ 

​

2. ฝากผู้อื่นเทรดให้ หรือ เรียกอีกอย่างว่า ลงทุนในกองทุนเทรด (ในตลาดจะใช้ชื่อว่า MAM และ PAMM)

ซึ่งระบบนี้จะมีความเสี่ยงที่ต้องโอนเงินทุนทั้งหมดไปฝากไว้ที่ บริษัทที่รับเป็นตัวแทนเทรด แล้วเมื่อตัวแทนเทรด ทำกำไรได้ก็จะเอามาแบ่งตามสัดส่วนการลงทุน (ข้อสังเกต คือ จำเป็นต้องเลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ หรือได้รับการรับรอง เพราะถ้าบริษัทตัวแทนเทรด ปิดตัวลง เงินทั้งหมดจะหายไปทันที)

​

3. ระบบ CopyTrade 

เป็นระบบที่น่าจะปลอดภัยมากที่สุดสำหรับ ผู้ที่ไม่มีเวลา หรือไม่มีความรู้ในการเทรดเอง และต้องการจำกัดความเสี่ยงให้ไม่สูงเกินไปนัก ประเด็นสำคัญในการใช้ระบบ Copy Trade คือต้องพิจารณา ผู้นำเทรด (Master Trader) ว่ามีผลงานอย่างไร อัตรากำไร Drawdown ระยะเวลาที่อยู่ในตลาด เป็นต้น

​

อย่างไรก็ตาม มีบางแห่ง Trader ไม่ใช่นักเทรดมืออาชีพจริงๆ แต่ใช้เพียง EA หรือ AI ที่เป็น Robot เปิดออเดอร์ตามสัญญาณกราฟ แล้วเปิดเป็นระบบ CopyTrade ให้เราทำการก็อปปี้ ซึ่งทำให้เรามีความเสี่ยงกับความผันผวนของตลาดค่าเงิน ไปพร้อมกัน Trader ซึ่งถือเป็นอะไรที่เสี่ยงมากๆ (EA สามารถรองรับตลาดในสภาวะตลาดไม่ผันผวนมาก จะกำไรดี แต่เมื่อตลาดผันผวน อาจจะทำให้พอร์ทลงทุนของท่านขาดทุนจนหมด Margin จนทำให้ต้องปิดพอร์ท หรือที่เค้าเรียกว่า ล้างพอร์ท เลยก็ว่าได้) ฉนั้น เทรดเดอร์มืออาชีพจะพิจารณาปัจจัยแวดล้อมมากมาย ที่มากกว่าแค่สัญญาณทางเทคนิคจากกราฟเท่านั้น

​

ดังนั้น เราควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า ระบบ CopyTrade ที่เราจะเข้าไปใช้งาน Copy นี้ เป็นแค่ EA, AI หรือ Robot เท่านั้น หรือเป็นการ CopyTrade จากเทรดเดอร์มืออาชีพจริงๆ

​

​